วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ปรารถนาให้ลูกน้อยเติบโตอย่างมั่นคงในทุกๆวันถือเป็นความหมายมั่นสูงสุดของผู้ที่เป็นแม่และพ่ออย่างมาก เวลาที่ลูกป่วย หัวอกของพ่อแม่ก็แทบแตกสลาย

แต่การที่ลูกจะมีสุขภาพดี และแข็งแกร่งนั้นก็มิได้จะปรากฏกับเด็กทั้งหมด ยังกับกับน้องแอมป์ลูกผู้หญิงคนเล็กของคุณยุพาพร เด็กน้อยคนนี้มีอายุเพียงสองขวบเศษเท่านั้น ก็จำต้องพบกับโรคร้าย ล้มป่วยเป็นเนื้องอกในท้อง

“ยามค่ำคืนหนึ่งน้องเกิดเป็นไข้สูงถึง 38-40 องศา ต้องเร่งรีบพาส่งโรงหมอโดยกะทันหัน ทีแรกเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2554 เมื่อก่อนนี้มีอาการท้องป่อง ปวดท้องอย่างมาก ท้องผูก และอุจจาระแข็ง หมอขอทำการเจาะเลือด เจาะไขสันหลัง เพื่อที่จะหาโรคมะเร็งและนำเลือดไปตรวจจับที่ห้องปฏิบัติการ”

“ผลการวินิจฉัยพบเนื้องอกในช่องท้องของน้อง มีความยาวประมาณ 8 เซนติเมตร กว้าง 5 เซนติเมตร จำเป็นต้องกรีดท้องเพื่อนำชิ้นเนื้อในท้องไปสืบสวนเพื่อค้นคำตอบ ระหว่างนั้นแพทย์ก็แจ้งกับคุณยุพาพร ผู้เป็นแม่ให้เผื่อใจเอาไว้ว่าชิ้นเนื้อที่นำไปวิเคราะห์นั้น อาจเป็น เนื้อร้าย 80% สิ้นเสียงคุณหมอเสมือนฟ้าผ่าลงกลางใจของคนเป็นแม่”

“ฉันทำได้แค่ก้มศีรษะแล้วอุ้มลูกมาโอบกอดไว้ที่อก ลูกเองก็สวมกอดแม่เอาหน้าแนบไหล่ ได้แต่พูดในใจว่าลูกยังเด็กนักเกิดมาได้ 1 ปี 6 เดือน ต้องพลัดพรากกันแล้วเหรอ แล้วกล่าวกับตัวเองว่าน้องยังตายมิได้แม่จะทำการทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อขอให้ลูกมีชีวิตอยู่ เมื่อถึงที่อาศัยก็ไม่เอ่ยปากกับใครได้แต่สวดมนต์จนพ่อของน้องโทรมาหาฉัน ดิฉันพูดไปน้ำตาไหลไปจนปวดศรีษะ พ่อน้องพูดว่าอย่างไรก็ต้องบำบัดรักษา”

ผลสำรวจจากห้องแล็ปถูกส่งมาในเวลาบ่ายของวันเดียวกัน ปรากฏว่าชิ้นเนื้อที่เอาไปวิเคราะห์นั้นไม่ใช่เนื้อร้าย แต่ก็จำเป็นต้องรีบทำการรักษาพยาบาลด้วยการให้คีโม

“การให้เคมีบำบัดครั้งแรกเมื่อเดือนมกราคม ทำเอาเส้นของน้องระเบิด เป็นไข้ และเกล็ดเลือดถดถอย คุณหมอทำการพิจารณาสแกนกระดูก เมื่อหวนกลับพักรักษาตัวที่บ้าน ดิฉันกับสามี ต้องพร้อมใจกันฉีดยาละลายลิ่มเลือดให้ลูกตลอดเวลา ลูกก็ยังต้องทานยาลดความดันสูงทุกวัน”

“ช่วงที่ทำเคมีบำบัดผิวของน้องเริ่มดำคล้ำ เล็บมือและเล็บเท้าก็ดำคล้ำ ปากซีดเผือด หน้าเซียว ผมก็ดุจดังกับต้นหญ้าแห้งไหม้ ผิวเหี่ยว เพียงแค่ย่างเท้าก็ไม่มีแรง กินอาหารได้น้อยลง และเขาจะร้องห่มร้องไห้กลัวคนแปลกหน้า โดยเฉพาะแพทย์และพยาบาล”

แม้ว่าจะอยู่ในเวลาความทุกข์ใจของญาติพี่น้อง เรื่องที่ดีก็อุบัติขึ้นพอให้ใครๆในบ้านมีกำลังใจขึ้นมามั่งไม่มากก็น้อย เมื่อเพื่อนข้างบ้านแนะนำน้ำ ACTIV120 ให้กับน้องได้ลองดูดื่ม

“หลานของเพื่อนข้างบ้านคนนี้เป็นโรคSLEและได้นำน้ำ ACTIV120 (Activated Water)มาดื่มพร้อมด้วยใช้ล้างตัว ผลสรุปคือหลานมีอาการบรรเทาเยอะ จากเรื่องราวนี้จึงตัดสินใจให้น้องดื่มน้ำดื่มแอคทิเวท พร้อมกันไปกับการเยียวยารักษา ตั้งแต่ตอนให้เคมีบำบัดหนแรกตอนเดือนกุมภา 2554”

“ฉันยังให้ลูกดื่มน้ำ ACTIV120 ไปพร้อมด้วยการให้เคมีบำบัดโดยไม่ยอมให้ดื่มน้ำอื่นเลย และต่อมาทุกครั้ง ที่จะทำการทำคีโมก็จะจำเป็นต้องเจาะเลือดทุกที ผลลัพธ์เลือดออกมาว่าเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติดี ไม่จำเป็นให้ยาเสริมใดๆ เลย มากกว่านั้นดิฉันยังปิติเหลือประมาณเมื่อผลสรุปการเอ็กซเรย์ และการสแกนกระดูกเป็นปกติธรรมดา”

ผลสรุปการเอ็กซเรย์ CT สแกน หรือคอมพิวเตอร์ความเร็วสูงครั้งที่ 2ทำหลังจากครั้งแรก 6 อาทิตย์ ครั้งนี้ผ่านการทำเคมีบำบัดครั้งที่ 1 และให้น้องดื่มน้ำ ACTIV120 ไปแล้ว พบว่าก้อนเนื้องอกในท้องเบาลงจากโดยประมาณ 8 เซนติเมตร เหลือ 6 เซ็นติเมตร
บทสรุปการเอ็กซเรย์ CT สแกนครั้งที่สาม ภายหลังครั้งที่ 2 12 อาทิตย์ เนื้องอกในท้องเล็กลงเหลือราวๆ 3 เซ็นติเมตร
ผลการเอ็กซเรย์ CT สแกนครั้งที่สี่ ภายหลังครั้งที่ 3 16 อาทิตย์ กำลังรอผลจากคุณหมอเพื่อรอการผ่าตัดเอาเนื้องอกออกให้ไม่เหลือ

“น้องมีผดขึ้นใบหน้าคล้ายกับกลากน้ำนมขึ้นที่แก้ม บางทีรับประทานขนมแล้วเปรอะเปื้อนหน้ามีเม็ดขึ้น ดิฉันก็นำเอาผ้าชุบน้ำแอคทีฟ วันทูโอ มาเช็ดหน้าให้เขา ผดผื่นก็ค่อยๆ ยุบตัวลงทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทายา”

“ล่าสุดน้องสุขภาพอนามัยแข็งแรงไม่เหมือนคนเจ็บ เป็นเด็กเบิกบาน อารมณ์ดี พิสูจน์ได้ว่า น้ำดื่มแอคทิเวท ช่วยสนับสนุนอนามัยน้องได้"

“ก่อนหน้านี้ บุตรชายคนโตเป็นไข้บ่อย ต้องนำไปหาหมอทุกอาทิตย์ เดี๋ยวนี้ก็ให้ลูกนำน้ำแอคทิเวทไปดื่มที่โรงเรียนด้วยทุกวัน ฉันมีสุขมากด้วยว่าเขาไม่เป็นหวัดอีกแล้ว”
เดี๋ยวนี้บ้านคุณยุพาพรเป็นครอบครัวน้ำดื่มแอคทิเวท (Activated Water)เพราะดื่มทั้งครอบครัว

“มีอยู่ครั้งหนึ่งพริกกระเด็นเข้าตาแสบมาก ฉันใช้วิธีการลืมตาในน้ำแอคทีฟ วันทูโอ ผลปรากฎว่าหายแสบสนิท”
“ไม้ต้นหน้าบ้านเหมือนกับมันใกล้จะตายใบโรยราและเริ่มเหลือง ใช้น้ำ ACTIV120ไปรด 2-3 ครั้ง เห็นว่าต้นไม้ฟื้นตัวและเขียวสดใสขึ้นมา”



เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : https://activated-water-good-water.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น